วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ปิดเทอมเปิดทัวร์ ครอบครัวสุขสันต์พากันท่องเที่ยวน่าน

ปิดเทอมเปิดทัวร์ : ครอบครัวสุขสันต์พากันท่องเที่ยวน่าน..แหล่งท่องเที่ยวน่านสำหรับเยาวชนและครอบครัว จังหวัดน่าน
หอศิลป์พิงพฤกษ์ อ.เมือง จ.น่าน
ชีวิตประจำวันของผู้คนในสังคม ปัจจุบัน เราต่างมุ่งมั่นทำการงานและภารกิจในหน้าที่ของตนตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ในแต่ละวัน โอกาสที่พ่อแม่จะได้พบหน้าลูกมีเพียงวันละไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ที่ซ้ำร้ายไปยิ่งกว่า บางครอบครัวกว่าพ่อแม่จะกลับ ลูกก็หลับไปเสียแล้ว ครอบครัวไหนที่โชคดีมีปู่ย่าตายายอยู่ด้วยในบ้าน ก็อาจจะช่วยดูแลให้ความอบอุ่นแก่ลูกหลาน โดยเฉพาะในปัจจุบัน เทคโนโลยีเข้าถึงทุกครัวเรือนในง่ายมากยิ่งขึ้น ภัยสังคมนอกจากจะมาจากข้างนอกแล้ว ปัจจุบันสื่ออินเทอร์เน็ตมักเป็นดาบสองคมสำหรับเด็กและเยาวชนที่รู้เท่าไม่ ถึงการณ์ โดยเฉพาะเกมคอมพิวเตอร์ และโปรแกรมสนทนาออนไลน์

เพราะครอบครัวเป็นหน่วยย่อยของสังคม หากทุกคนร่วมกันตระหนักในปัญหาดังกล่าว ควรร่วมกันสร้างสรรค์ครอบครัวให้อบอุ่น ด้วยการจัดสรรเวลาให้กับครอบครัว โดยเฉพาะการใช้เวลาอันมีค่าในวันหยุด เพื่อการเดินทางท่องเที่ยวและการจัดทำกิจกรรมร่วมกัน เพราะการท่องเที่ยวนั้น เป็นทั้งการพักผ่อนและการเรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน

ลานนาทัวร์ริ่งได้เล็งเห็นความสำคัญของการส่งเสริมให้เยาวชนและครอบครัวออก เดินทางท่องเที่ยวในวันหยุด เพื่อสร้างความรักความอบอุ่นขึ้นในครอบครัว และสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับชีวิต โดยมุ่งหวังให้ตระหนักว่า "การท่องเที่ยวเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต"

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน อ.เมือง จ.น่าน
ตัวอย่างแหล่งท่องเที่ยวน่าน สำหรับเยาวชนและครอบครัวรับปิดเทอม

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน ถนนผากอง ตรงข้ามกับวัดพระธาตุช้างค้ำ ใกล้กับวัดภูมินทร์ อ.เมือง จ.น่านเป็นอาคารแบบยุโรปซึ่งเข้ามาในสมัยรัชกาลที่ ๕ ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมท้องถิ่นเมืองน่าน เดิมเป็น “หอคำ” ซึ่งเป็นที่ประทับและที่ว่าราชการของพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ เจ้าผู้ครองนครน่าน สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๕ ใช้เป็นที่ตั้งศาลากลางจังหวัดแห่งแรกของจังหวัดน่าน ต่อมาใน พ.ศ. ๒๕๑๗ อาคารแห่งนี้ได้รับการปรับปรุงอีกครั้งให้เป็นสถานที่ตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่ง ชาติน่าน ลักษณะการจัดพิพิธภัณฑ์จะใช้แสงธรรมชาติเข้าช่วย ตัวอาคารโปร่งมีหน้าต่างโดยรอบ ผู้มาเที่ยวจะรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในบ้านมากกว่าพิพิธภัณฑ์ ทำให้เพลิดเพลินในการเดินชมสิ่งของที่จัดแสดง ภายในพิพิธภัณฑ์แบ่งเป็น ๒ ชั้น ชั้นล่างจัดแสดงชีวิตความเป็นอยู่ของชนเผ่าต่าง ๆ ในจังหวัดน่าน รวมทั้งเทศกาลงานประเพณีที่สำคัญของจังหวัด เช่น การสืบชะตา การแข่งเรือ ส่วนชั้นบนจัดแสดงโบราณวัตถุสมัยต่าง ๆ ที่พบในจังหวัดน่าน ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ จนถึงยุคเจ้าผู้ครองนครน่าน ชิ้นที่สำคัญ ได้แก่ งาช้างดำ วัตถุมงคลคู่บ้านคู่เมืองน่าน เป็นงาช้างข้างซ้าย ยาว ๙๔ เซนติเมตร วัดโดยรอบส่วนที่ใหญ่สุดได้ ๔๗ เซนติเมตร มีน้ำหนัก ๑๘ กิโลกรัม ได้มาในสมัยพระยาการเมืองเจ้าผู้ครองนครน่านองค์ที่ ๕ เครื่องปั้นดินเผาเคลือบ อายุราวพุทธศตวรรษที่ ๒๑ จากเตาเผาบ่อสวก ตำบลสวก อำเภอเมือง น่าน พระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะล้านนา อิทธิพลศิลปะพม่า พุทธศตวรรษที่ ๒๕ พานพระศรีเครื่องเงินลงยา ซึ่งเป็นเครื่องประกอบอิสริยยศของเจ้าผู้ครองนครน่านองค์สุดท้าย พิพิธภัณฑ์เปิดทุกวัน เวลา ๐๙.๐๐-๑๖.๐๐ น. ค่าเข้าชม ชาวไทย 20 บาท ชาวต่างประเทศ 40 บาท
รายละเอียดติดต่อ โทร ๐ ๕๔๗๑ ๐๕๖๑, ๐ ๕๔๗๗ ๒๗๗๗ หรือwww.thailandmuseum.com

จ๊างน่าน อาร์ตแกลลอรี่ อ.เวียงสา จ.น่าน
คุ้มเจ้าราชบุตร (หมอกฟ้า ณ น่าน) ติด วัดช้างค้ำ อ.เมือง จ.น่าน สร้างขึ้นใน ปีพ.ศ. ๒๔๐๙ เป็นเรือนไม้สักทองทรงปั้นหยาสองชั้น ประดับลวดลายไม้ฉลุ บริเวณบานรายรอบด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ ทั้งไม้ยืนต้น ไม้หอม ไม้หายาก หลายต้นอายุเป็นร้อยปีเช่นเดียวกับวันเวลาของคุ้มแห่งนี้ คุ้มเจ้าราชบุตร สร้างขึ้นโดยเจ้ามหาพรหมสุรธาดา เจ้าผู้ครองนครน่านองค์สุดท้าย เพื่อเป็นเรือนหอของท่านกับเจ้าแม่ศรีโสภา จากนั้น จึงยกคุ้มนี้ให้กับโอรสองค์สุดท้องคือ เจ้าราชบุตร(หมอกฟ้า ณ น่าน) ต่อมาเจ้าราชบุตรได้รื้อถอนคุ้มหลังเดิมและสร้างขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. ๒๔๘๔ ย่อขนาดให้เล็กลง ปลูกสร้างในตำแหน่งเดิม ปัจจุบันนี้คุ้มเป็นสมบัติของเจ้าสมปรารถนาและเจ้าวาสนา ณ น่าน ผู้สืบเชื้อสายเจ้าผู้ครอบนคร เดิมเจ้าสมปรารถนาอยู่กรุงเทพฯ แต่หลังจากเออลี่รีไทร์ ท่านย้ายกลับมาอยู่ที่คุ้มเจ้าราชบุตรพร้อมกับสามีคือคุณสถาพร สุริยา คุ้มแห่งนี้ความจริงไม่ได้เปิดอย่างเป็นทางการ แต่เพราะมีสารคดี รายการโทรทัศน์ นิตยสารมาถ่ายทำและเผยแพร่เรื่องราวออกไป เจ้าสมปรารถนาจึงเปิดคุ้มให้บุคคลทั่วไปเข้าเยี่ยม แต่ต้องแจ้งนัดหมายล่วงหน้า ซึ่งเจ้าจะเป็นผู้นำชมด้วยตนเองพร้อมเล่าประวัติความเป็นมาของคุ้มและเรื่อง ราวของสายตระกูล ณ น่านให้ฟัง

ปัจจุบันเป็นที่พักของเจ้าสมปรารถนาณน่านยังคงเก็บรักษาของเก่าแก่ประจำ ตระกูล เช่น ดาบงาช้างศึก อาวุธโบราณ ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์รัชกาลที่๕ ซึ่งนอกจากภาพถ่ายที่หาดูยากที่อยู่ในห้องรับแขกแล้ว ที่นี่ยังเก็บรวบรวมข้าวของเครื่องใช้สมัยก่อนไว้อีกมาก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ อาวุธโบราณ ถ้วยชามเครื่องแก้ว ตู้เย็นแบบใช้น้ำมันก๊าด เตาีรีดใช้ถ่าน ถ้าเดินไปทางด้านหลังในส่วนของครัว ยังได้เห็นเครื่องครัวสมัยคุณตาคุณยาย และไม่ว่าจะถามถึงข้าวของชิ้นไหน ผู้เป็นเจ้าของเรือนก็มีเรื่องเล่าอันเปี่ยมด้วยความทรงจำเพราะท่านเกิดและ เติบโตมา ณ เรือนไม้หลังนี้
นักท่องเที่ยวที่สนใจเข้าชม ควรติดต่อเข้าชมคุ้มล่วงหน้ากับเจ้าบ้าน โทร. 054-710-605, 089-6704291

คุ้มเจ้าราชบุตร อ.เมือง จ.น่าน
แหล่งเตาเผาและเครื่องเคลือบบ้านบ่อสวก บ้านบ่อสวก อ.เมือง จ.น่าน ในอดีตเคยเป็นแหล่งผลิตเครื่องเคลือบภาชนะดินเผาที่สำคัญแห่งหนึ่งของเมือง น่าน มีรูปแบบและกรรมวิธีการผลิตเป็นลักษณะเฉพาะของตัวเอง คาดว่าเครื่องเคลือบภาชนะดินเผาจากบ้านบ่อสวกเคยได้รับความนิยมอย่างสูง เพราะได้ขุดพบตามแหล่งฝังศพของคนในสมัยก่อน โดยเฉพาะแถบเทือกเขาในอำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ต่อเนื่องไปจนถึงจังหวัดตาก และกำแพงเพชร สันนิษฐานว่าการผลิตเครื่องเคลือบที่บ้านบ่อสวกเริ่มขึ้นและพัฒนาในสมัยเจ้า พระยาพลเทพฤาชัย (พ.ศ.๒๐๗๑-๒๑๐๒) ซึ่งเป็นยุคสมัยแห่งความรุ่งเรืองของเมืองน่าน วิทยาการเตาเผาและเครื่องเคลือบเมืองน่านได้รับจากล้านนา เช่น จากกลุ่มสันกำแพง กลุ่มกาหลง ซึ่งเป็นกลุ่มเตาใกล้นครเชียงใหม่ เตาเผาแห่งนี้ได้รับการสำรวจและศึกษาเบื้องต้น โดยกองโบราณคดี กรมศิลปากร มาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๗ เป็นแหล่งโบราณคดีชุมชนอยู่ที่บ้านบ่อสวกพัฒนา หมู่ ๑๐ ตำบลบ่อสวก ห่างจากตัวเมือง ๑๗ กิโลเมตร แหล่งที่มีการค้นพบเตาเผาเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ ตั้งอยู่ในเขตบ้านพักของ จ.ส.ต.มนัส และคุณสุนัน ติคำ บริเวณที่พบเตาอยู่ริมแม่น้ำ ลักษณะของเตาหันหน้าเข้าหาแม่น้ำเพื่อสะดวกในการขนส่ง ภายในเป็นโพรงใหญ่เพื่อให้คนเข้าไปข้างในได้ เตามีความลาดเอียงและมีปล่องระบายอากาศอยู่ด้านบน เตาโบราณจำนวน ๒ เตาได้รับการบูรณะ และก่อสร้างอาคารถาวรคลุม ส่วนบริเวณใต้ถุนบ้าน จ่ามนัสจัดเป็นนิทรรศการแสดงโบราณวัตถุจากแหล่งเตาเผา การขุดค้นศึกษาแหล่งเตาเมืองน่านบ้านบ่อสวก ถือเป็นการเปิดมิติใหม่ในการทำงานวิจัยทาง “โบราณคดีชุมชน” โดยการร่วมมือระหว่างชาวบ้าน องค์กรเอกชน ส่วนราชการในท้องถิ่น และนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย เพื่อให้เกิดความงอกงามทางความรู้และความเข้มแข็งของชุมชนไปพร้อมกัน ในอนาคตจะมีการจัดตั้งกองทุนโบราณคดีชุมชนบ้านบ่อสวก และนำเงินจากกองทุนเพื่อจัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาชุมชน เช่น การฟื้นฟูอาชีพเครื่องปั้นดินเผา การจัดตั้งพิพิธภัณฑ์หมู่บ้าน และการอบรมมัคคุเทศก์ชุมชน
แหล่งเตาเผาโบราณบ้านบ่อสวก อ.เมือง จ.น่าน
หอศิลป์ริมน่าน ตั้ง อยู่บนถนนสาย น่าน-ท่าวังผา ตรงหลักกิโลเมตรที่ ๒๐ ก่อตั้งโดย วินัย ปราบริปู ศิลปินชาวเมืองน่าน มีพื้นที่ประมาณ ๑๓ ไร่ ติดริมน้ำน่าน อาคารชั้นล่างจัดแสดงนิทรรศการหมุนเวียนของศิลปินรับเชิญ ชั้นสองจัดแสดงผลงานของวินัย ปราบริปู ผลงานชุดสำคัญก็คือ แรงบันดาลใจจากมรดกน่าน ซึ่งอาจารย์วินัย ยังตั้งใจว่าในอนาคต อยากให้หอศิลป์เป็นแหล่งศึกษาประวัติจิตรกรรมฝาผนังด้วย ถ้าใครอยากศึกษาเพิ่มเติมหรือสนใจรายละเอียด ก็สามารถซื้อหนังสือกลับไป เป็นหอศิลป์ร่วมสมัยของเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค ซึ่งนอกจากแสดงนิทรรศการแล้ว แต่ละปีอาจารย์วินัยยังร่วมมือกับครูศิลปะในพื้นที่จัดค่ายสอนศิลปะให้กับ เด็กๆ สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของหอศิลป์แห่งนี้ ที่ต้องการเปิดโอกาสการเรียนรู้ให้กับเด็กๆ ในเมืองน่านและจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งบางที ภาพในแกลลอรี่ที่เขาเห็น อาจเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กคนหนึ่งตอบตัวเองได้ว่า เขาชอบหรือฝันอยากทำอะไร..ก็เป็นได้
เปิดให้เข้าชม : เปิดทุกวันยกเว้นวันพุธ
ตั้งแต่เวลา : ๐๙.๐๐ น. - ๑๗.๐๐ น.
ค่าเช้าชม : คนละ ๒๐ บาท
สอบถามโทร : 054-798046

บ้านกะหล๊กไม้ อ.เวียงสา จ.น่าน

หอศิลป์พิงพฤกษ์ ศูนย์การเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นเมืองน่าน ตั้งอยู่บนเลข ที่ 16   ม. 10 บ้านนาท่อ  ต.ไชยสถาน   อ.เมืองน่าน   ออกจากตัวเมือง ใช้เส้นทาง ถนนสายน่าน - พะเยา ก่อนถึง กม. ที่ 4  เลี้ยวซ้ายทางเข้าบ้านนาท่อ ไป 1 กม. มีป้ายบอกทางตรงซอย 3 เลี้ยวขวามือก่อนถึงหนองนาท่อ เลี้ยวขวาเข้าไป 50 เมตร สังเกตุด้านขวามือก็จะเห็นหอศิลป์ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับตัวบ้าน เป็นหอศิลป์ที่ เก็บรวบรวมผลงานศิลปะส่วนตัวของ อ.สุรเดช  กาละเสน ( ปัจจุบันเสียชีวิต ) เป็นหอศิลป์ขนาดเล็กบนพื้นที่ 1 งาน ภายในบรรยากาศที่อบอุ่น   จัดแสดงผลงานของ อาจารย์สุรเดช  กาละเสน ศิลปินเจ้าของผลงานจิตรกรรมฝาผนัง ( สมัยใหม่ )ตำนานประวัติศาสตร์เมืองน่าน ในอุโบสถวัดมิ่งเมือง ซึ่งถือว่าเป็นผลงานที่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในจังหวัด ที่ยังคงเอกลักษณ์รูปแบบศิลปะเมืองน่านในอดีต หอศิลป์พิงพฤษ์ มีที่มา.... จัดเป็นแหล่งเรียนรู้ศิลปะ อีกแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองน่าน ประมาณ  5  กม. เปิดให้ชมและศึกษาทุกวัน บริเวณโดยรอบร่มรื่น น่าพักผ่อน น่าไปเยี่ยมชม หรือมีกิจกรรมที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ชื่นชอบงานฝีมือการทำผ้ามัดย้อมสีจาก ธรรมชาติ ในยามว่าง เสาร์ อาทิตย์
สอบถามโทร : คุณโสภา กาละเสน โทร. 054-774751, 089-559-7815

พิพิธภัณฑ์จักรยาน(เฮือนรถถีบ) อ.เวียงสา จ.น่าน
ท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์กับวัดโป่งคำ วัดโป่งคำ  ตั้งอยู่เลขที่  ๒๐  บ้านโป่งคำ  ตำบลดู่พงษ์  อำเภอสันติสุข  จังหวัดน่าน 
ในสังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย  โดยวัดโป่งคำแห่งนี้  สันณิฐานว่า  ได้เริ่มก่อสร้างเมื่อปีพุทธศักราช  ๒๔๔๑  ซึ่งการก่อสร้างวัดโป่งคำเป็นธรรมเนียมของพุทธศาสนิกชนล้านนา  ที่ปรากฏว่า“  มีแม่น้ำที่ไหน  มีคนที่นั้น  มีคนที่ไหน  มีชุมชนที่นั้น  มีชุมชนที่ไหน  มีวัดที่นั้น”
การก่อสร้างวัดโป่งคำก็เฉกเช่นกัน  กล่าวคือ  เมื่อมีผู้คนได้มาร่วมกันจัดตั้งเป็นชุมชนเป็นหมู่บ้าน  โดยตั้งชื่อหมู่บ้านว่า “บ้านโป่งคำ”  เมื่อประมาณพุทธศักราช  ๒๔๔๐  ต่อมาชุมชนบ้านโป่งคำต้องการมีวัดเป็นของตนเอง  เพื่อให้เป็นที่ทำบุญ  จัดกิจกรรมนันทนาการของชุมชน  จึงมีการจัดตั้งวัดขึ้น  โดยให้ชื่อวัดและชื่อหมู่บ้านเป็นเดียวกัน  คือ  “ วัดโป่งคำ”
นอกจากนี้วัดโป่งคำก็ยังมีปูชนียวัตถุ  คือ  พระประธานในพระวิหาร  เป็นพระพุทธรูปแบบปูนปั้น (สันณิฐานว่าเป็นฝีมือสกุลช่างชาวบ้าน) สร้างประมาณเมื่อ  พุทธศักราช  ๒๔๖๐  และยังมีพระพุทธรูปต่าง ๆ อีกจำนวนหนึ่ง ปัจจุบันวัดโป่งคำ  ภายใต้การปกครองและการบริหารของท่านพระครูสุจิณนันทกิจ ( พระอาจารย์สมคิด  จรณธมฺโม ) ได้เปิดวัดให้เป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชน  เพื่อพัฒนาศักยภาพของชุมชนให้มีความกินดีอยู่ดีและสามารถมีความเป็นอยู่ อย่างยั่งยืนได้  โดยพระอาจารย์สมคิด  จรณธมฺโม  ได้มองเห็นปัญหาของชุมชนที่เกิดขึ้น  และพยายามให้คำแนะนำ  ช่วยเหลือ  และแสวงหาทางออกให้กับชุมชน  จึงมีการจัดตั้ง “ ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ชุมชนบ้านโป่งคำ”  โดยเอาวัดโป่งคำแห่งนี้เป็นเวทีที่แสดงออกและเวทีประชาคมของชุมชน  โดยมีการจัดตั้งกลุ่มต่าง ๆ  เพื่อแสวงหาองค์ความรู้และภูมิปัญญาของชุมชน  เพื่อพัฒนาให้เห็นศักยภาพของชุมชน เช่น กลุ่มย้อมผ้าสีธรรมชาติ,กลุ่มเพาะเห็ด, กลุ่มผู้สูงอายุ  รวมกลุ่มเป็นกลุ่มตีเหล็ก, กลุ่มจักสาน,กลุ่มเกษตรอินทรีย์,กลุ่มเยาวชนเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนโป่งคำ, กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการพัฒนา,กลุ่มเครือข่ายแหล่งเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง

โดยชุมชนบ้านโป่งคำ ได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐ  เอกชน  และองค์กรเครือข่ายต่าง ๆ  เพื่อมาต่อยอดทางความคิดและพัฒนาศักยภาพของชุมชน  ทั่งนี้ชุมชนบ้านโป่งคำ  ได้น้อมรับพระราชดำรัส  เรื่อง “ทฤษฏีปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง”  มาปฏิบัติภายในชุมชน  เพื่อให้คนในชุมชนมีความเป็นอยู่แบบพอเพียง  พอดี  พอกิน  และพอใจ  ในวิถีชีวิตแบบชุมชนพอเพียง  โดยชุมชนโป่งคำได้รับโครงการพัฒนา  คือโครงการขยายผล  โครงการหลวงโป่งคำ  ทั่งนี้ชุมชนวัดโป่งคำก็ได้เปิดศูนย์การศึกษา  เรียกว่า  “ มหาวิทยาลัยชีวิต” ของมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร  เพื่อพัฒนาบุคลากรในชุมชนเขตอำเภอสันติสุข  ให้เป็นแกนนำในการขยายเขตพัฒนาต่อไป

อารามเวฬุวัน ศึกษาธรรม เสพศิลป์ พักผ่อนทางใจบนยอดดอย อารามเวฬุวัน ตั้งอยู่บ้านศรีนาม่าน อำเภอสันติสุุข จังหวัดน่าน เล้นทางสันติสุข - หลักลาย ห่างจากตัวอำเภอ 3 กิโลเมตร มีพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ให้บูชา พร้อมด้วยมุมแสงที่น่าหลงใหลชมถ่ายภาพ พระธาตุแห่งนี้กำลังพัฒนาให้เป็นแหล่งศึกษาธรรม และพักผ่อนทางใจ

ติดต่อสอบถามเรื่องท่องเที่ยวที่ : โทร 085-0545518 เว็บไซต์: www.go2santisuk.com,Email: wuttichai_lonan@hotmail.com

เสาดินนาน้อยและคอกเสือ อ.นาน้อย จ.น่าน
จ๊างน่านmilk club อ.เวียง สา จ.น่าน ด้วยความเป็นคนรักศิลปะของเจ้าของร้าน จ๊างน่าน จึงมีส่วนผสมระหว่างร้านนมกับแกลลอรี่ศิลปะเข้ารวมไว้ด้วยกัน โดยด้านล่างของร้านจะให้บริการเครื่องดื่ม(เน้นนมและเครื่องดื่มที่ไม่มี แอลกอฮอล์) มีลานข้างร้านเป็นที่จอดรถโดยสารซึ่งนำมาดัดแปลงให้เป็นอีกส่วนหนึ่งของร้าน ที่สามารถนั่งรับประทานอาหารเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศได้ ส่วนด้านบนจัดเป็นส่วนแสดงงานศิลปะ
จ๊างน่าน ตั้งอยู่ที่ ต.กลางเวียง อ.เวียงสา(ร้านวาสนาพาณิชย์เดิม) โทร. 054-781521 เว็บไซต์ www.chang-nan.com


บ้านกะหล๊กไม้
อ.เวียงสา จ.น่าน ชม ภูมิัปัญญาล้านนาโบราณที่บ้านอาจารย์ระดม อินแสง ผู้ตระหนักค่าของภูมิปัญญาล้านนาโบราณ ถึงขั้นดัดแปลงบ้านเป็นแหล่งเรียนรู้ภาษาล้านนา ดนตรีล้านนา และกะหล๊กไม้ที่ปลาในลำน้ำน่าน “กะ หล๊กไม้” ในอดีตใช้ตีแจ้งเหตุร้าย หรือเป็นสัญญาณนัดแนะผู้คนในชุมชนให้มาทำกิจกรรมร่วมกัน แต่วันนี้ ใช้ตีเพื่อส่งเสียงเรียกปลาให้ขึ้นมากินอาหาร โดยเคาะวันละ 2 เวลา คือก่อนไปโรงเรียนและหลังเลิกเรียน คนในบ้านจะเอาอาหารปลาใส่ตระกร้าที่แขวนไว้กับรอก จากนั้นจึงเคาะกะหล๊กเป็นจังหวะ ปลาที่ได้ยินเสียงเรียกก็จะว่ายมารอกินอาหารจากตะกร้าชักรอก เป็นการสร้างเงื่อนไขไม่ต่างจากการสั่นกระดิ่งให้อาหารสุนัข บ้ากะหล๊กไม้เป็นสัญลักษณ์ของการปกปักรักษาปลาในลำน้ำน่าน ให้มันได้ขยายพันธุ์ตามธรรมชาติ เพื่อชาวประมงพื้นบ้านมีอาชีพทำกินอย่างยั่งยืน
ที่บ้านกะหล๊กไม้ ยังเป็นโรงเรียนสอนภาษาล้านนาให้เด็กๆ และชาวบ้านในชุมชนรวมทั้งยังเป็นที่เรียนดนตรีพื้นเมืองสำหรับให้เด็กๆ และเยาวชนได้ตระหนักถึงคุณค่าวัฒนธรรมท้องถิ่น

เฮือนรถถีบมะเก่า (พิพิธภัณฑ์บ้านจักรยาน) เยือนเฮือนรถถีบมะเก่า หรือ จักรยาน ซึ่งมิใช่สุสานรถจักรยานอย่างที่หลายคนคิด แต่คือพิพิธภัณฑ์จักรยานที่รวบรวมจักรยานเก่าแทบทุกรุ่น มีทั้งจักรยานพับ จักรยานล้อโต จักรยานสองตอน ฯลฯ ในสภาพที่ใช้งานได้ดี ครอบครัวเต็งไตรรัตน์ เดิมเปิดร้านซ่อมรถจักรยานแลกกับข้าวเปลือกจากชาวบ้านในชนบท ภายหลังได้เป็นตัวแทนจำหน่ายจักรยานนำเข้าจากยุโรปหลายยี่ห้อในจังหวัดน่าน สมัยก่อน การขนส่งจักรยานมาขายจะส่งเป็นชิ้นส่วนย่อย เมื่อมาถึงปลายทางที่จังหวัดน่าน ร้านเต็งไตรรัตน์จึงต้องลงมือประกอบชิ้นส่วนเอง ชีวิตในวัยเด็กของคุณสุพจน์จึงคลุกคลีและคุ้นเคยกับจักรยานเหมือนเป็นของ เล่นชนิดหนึ่ง จากความรู้และทักษะเกี่ยวกับรถจักรยานที่มีมาแต่วัยเด็ก คุณสุพจน์ เต็งไตรรัตน์ จึงเกิดแรงบันดาลใจที่จะเก็บรวบรวมรถจักรยานโบราณที่ผลิตในโซนประเทศยุโรป ไว้ในเฮือนรถถีบ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ให้คนรุ่นหลังและเอื้อประโยชน์ต่อชุมชนอย่างต่อ เนื่อง

ติดต่อสอบถามเรื่องท่องเที่ยวที่
: กลุ่มฮักเมืองเวียงสา คุณเฉาก๊วย โทร.089-1928060 คุณหยก โทร. 089-8984404

กลุ่มเยาวชนวัดโป่งคำ อ.สันติสุข จ.น่าน
เสาดินนาน้อย(ฮ่อมจ๊อม) ตามรอยมนุษย์ยุคหินเก่า อยู่ที่ตำบลเชียงของ อ.นาน้อย จ.น่าน ห่างจากตัวเมืองน่าน 60 กิโลเมตร จากอำเภอนาน้อยมีทางแยกไปตามเส้นทางหมายเลข 1083 ประมาณ 6 กิโลเมตร เสาดินนาน้อย หรือ ฮ่อมจ๊อม เป็นเสาดินที่มีลักษณะแปลกตาคล้าย “แพะเมืองผี” ที่จังหวัดแพร่ จาก หลักฐานทางธรณีวิทยา พบว่าเสาดินนาน้อยเกิดจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก ในยุคเทอร์เชียรีตอนปลาย (late tertian) ประกอบกับการกัดเซาะของน้ำและลมตามธรรมชาติ นัก ธรณีวิทยาสันนิษฐานว่ามีอายุประมาณ 30,000-10,000 ปีมาแล้ว เคยเป็นก้นทะเลมาก่อน และจากหลักฐานการค้นพบกำไลหินและขวานโบราณที่นี่ (ปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน) แสดงให้เห็นว่าบริเวณนี้อาจเคยเป็นแหล่งอาศัยของมนุษย์ยุคหินเก่า

หมู่บ้านประมงปากนาย
ปากนาย อ.นาหมื่น จ.น่าน เดิมเป็นหมู่บ้านริมแม่น้ำน่าน หลังการสร้างเขื่อนสิริกิติ์ หมู่บ้านปากนายได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อน ซึ่งมีลักษณะเหมือนทะเลสาบขนาดใหญ่ โอบล้อมด้วยทิวเขาเขียวขจี ชาวบ้านปากนายประกอบอาชีพประมง มีแพร้านอาหารให้เลือกชิมปลาจากเขื่อน เช่น ปลากด ปลาบู่ ปลาคัง ปลาแรด ปลาทับทิม เป็นต้น และบางแห่งทำเป็นห้องพักไว้บริการนักท่องเที่ยว จากบ้านปากนายสามารถเช่าเรือล่องไปตามลำน้ำน่านสู่อ่างเก็บน้ำสิริกิติ์ มีทิวทัศน์เป็นป่าเขาสวยงาม เกาะแก่ง เรือนแพ ชาวประมง ในช่วงนอกฤดูฝน จะมีแพลากไปวัดปากนาย สามารถนั่งรับประทานอาหารบนเรือได้ ใช้เวลาประมาณ ๒ ชั่วโมง และมีแพขนานยนต์ข้ามฟากไปยัง อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์

การเดินทาง อยู่ที่ตำบลนาทะนุง ห่างจากตัวจังหวัด ๙๖ กิโลเมตร ใช้เส้นทางน่าน-เวียงสา-นาน้อย จากอำเภอนาน้อย มีทางแยกไปถึงอำเภอนาหมื่นราว ๒๐ กิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข ๑๓๓๙ เป็นทางลาดยางคดเคี้ยวไปตามไหล่เขาอีกประมาณ ๒๕ กิโลเมตร จึงถึงบ้านปากนาย

ที่พัก / ร้านอาหาร
มีบ้านพักของ อบต.นาหมื่นจำนวน 8 หลัง (อยู่ริมเขื่อน)
มีแพพักของเอกชนหลายแพ อาทิ แพสองบัว, แพสินไทย และแพอื่นๆอีกนับสิบแพ

วัดเวฬุวัน อ.สันติสุข จ.น่าน
คู่มือเลือกแหล่งท่องเที่ยวสำหรับครอบครัว
1. ควรเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความเหมาะสมสำหรับทุกเพศทุกวัย เพื่อสมาชิกทุกคนในครอบครัวจะได้ท่องเที่ยวพักผ่อนร่วมกันอย่างมีความสุข
2. ควรเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่การเดินทางเข้าถึงได้อย่างสะดวกสบาย เส้นทางไม่ขึ้นเขาสูงชัน ไม่ตอ้งลงเรือฝ่าคลื่นลมไปไกลฝั่ง หรือไม่สมบุกสมบันจนเด็กหรือผู้สูงอายุต้องเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง
3. ควรเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น สะดวกในเรื่องที่พัก อาหารการกิน
4. การขับรถเที่ยวที่มีสมาชิกในครอบครัวไปกันพร้อมหน้า ทั้งผู้ใหญ่ เด็กๆ และผู้สูงอายุนั้น ควรวางแผนการขับไว้ล่วงหน้า เช่น คำนวณระยะทางสู่จุดหมายปลายทางว่าต้องใช้เวลากี่ชั่วโมง ควรแวะพักกินอาหารที่ไหน ระหว่างเส้นทาง ควรแวะพักเข้าห้องน้ำตามปั้มน้ำมันที่สะอาดและมีจุดพักเป็นระยะๆ เพื่อให้ผู้สูงอายุผ่อนคลายและได้เดินยืดเส้นยืดสายบ้าง
5. การจัดโปรแกรมท่องเที่ยวครอบครัวในแต่ละทริปนั้น ไม่ควรย้ายที่พักแรมบ่อยครั้ง เพราะจะสร้างความไม่สะดวกต่อเด็กและผู้สูงอายุ และต้องเสียเวลาไปกับการเก็บสัมภาระขนข้าวของบ่อยครั้ง ทางที่ดีควรหาที่พักเหมาะๆ ปักหลักอยู่ที่นั่น แล้วใช้เวลาเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจและทำกิจกรรมท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยว ให้มากที่สุด
6. หากเป็นการเดินทางท่องเที่ยวโดยการซื้อบริการนำเที่ยว ควรเลือกโปรแกรมที่ไม่เหน็ดเหนื่อยกับการเดินทางมากเกินไป ไม่ควรเลือกโปรแกรมที่อัดแน่นด้วยแหล่งท่องเที่ยว แต่ไปดูไปชมได้ไม่่นานก็ต้องถูกต้อนขึ้นรถเพื่อเดินทางสู่แหล่งท่องเที่ยว ต่อไป สุดท้าย เวลาส่วนใหญ่กลับต้องเสียไปกับการนั่งอยู่บนรถ
ึ7. เมื่อจะเดินทางท่องเที่ยวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัว ซึ่งอาจจะมีเพียงครั้งสองครั้งในแต่ละปี หากเป็นไปได้ควรเลือกเดินทางท่องเที่ยวในช่วงวันธรรมดา โดยใช้การลาพักร้อนในช่วงที่เด็กๆ ปิดเทอม หรือในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่่ไม่ใช่วันนักขัตฤกษ์ ซึ่งมีวันหยุดต่อเนื่องหลายวัน หรือในช่วงเทศกาลหยุดยาวต่างๆ เช่น ปีใหม่ สงกรานต์ เพราะในช่วงเวลาดังกล่าวผู้คนจะออกเดินทางท่องเที่ยวกันมากมาย ต้องแย่งกันกินกันเที่ยว แย่งกันถ่ายภาพตามมุมสวยๆ เพราะฉะนั้น จะเที่ยวทั้งทีอย่างมีความสุขสุดๆ กับครอบครัว ก็ควรหลีกเลี่ยงช่วงเวลาดังกล่าว

หอศิลป์ริมน่าน อ.เมือง จ.น่าน
้เีรียนรู้โลกกว้างตั้งแต่เล็ก : สิ่งควรรู้เสริมสร้างนิสัยการเรียนรู้
เยาวชน เป็นวัยแห่งการเจริญเติบโตเป็นวัยแห่งการศึกษาเรียนรู้ ทั้งการเรียนรู้ในหลักสูตรในระบบ การศึกษาและการเรียนรู้นอกตำรา การเดินทางท่องเที่ยวนั้น เป็นการเรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในโลกกว้างที่ดียิ่ง หากเด็กและเยาวชนที่ได้รับการปลูกฝังให้มีนิสัยรักการเดินทางท่องเที่ยว และรู้จักที่จะท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้โลกกว้างอย่างถูกวิธี โดยมีการชี้แนะแนวทางที่ถูกต้องจากผู้ใหญ่แล้ว เยาวชนผู้นั้นก็จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีหูตากว้างไกล และเป็นผู้ที่มีนิสัยรักการเรียนรู้อย่างไม่จบสิ้น เรามาช่วยกันส่งเสริมให้พวกเขาเป็นนักเดินทางผู้ยิ่งใหญ่ด้วยวิธีง่าย ๆ กันดีกว่า
การพา เด็กๆ ออกไปเดินทางท่องเที่ยวนั้น วัยที่เหมาะสมนาจะเริ่มจากช่วงอายุ 3 ขวบขึ้นไป เพราะหากเล็กกว่านั้น เด็กๆ อาจบอบบางเกินกว่าจะเดินทางท่องเที่ยวไกลๆ และยังเล็กเกินไปที่จะช่วยเหลือตัวเอง หรือเล็กเกินไปสำหรับการสนใจ เรียนรู้และจดจำสิ่งต่างๆ จากการเดินทางท่องเที่ยว
ควร เลือกแหล่งท่องเที่ยวที่เหมาะสมกับวัยของนักเดินทางตัวน้อย ซึ่งมักจะต้องพิจารณาตามความสนใจของเด็กในแต่ละวัย ในปัจจุบันก็มีแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการศึกษาเรียนรู้ของเด็กๆ รูปแบบทันสมัยมากมาย เช่น สวนสัตว์ พิพิธภัณฑ์เด็ก พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ พิพิธภัณฑ์รูปแบบใหม่ๆ เหล่านี้ มิใช่พิพิธภัณฑ์นิ่งๆ แบบโบราณอีกต่อไป แต่มักจะสร้างขึ้นให้เด็กๆ มีโอกาสทดลอง จับต้อง เรียนรู้ได้ด้วยการสัมผัส
หาก พาเด็กๆ ไปเที่ยวทะเลหรือแม่น้ำ ควรเลือกหาดที่มีความลาดชันน้อย ประเภทเดินน้ำลงไป 100-200 เมตร ระดับน้ำก็ัยังไม่ลึก ไม่เป็นอันตราย ซึ่งจะปลอดภัยกับเด็ก และผู้ปกครองก็จะได้ปล่อยให้เด็กสนุกสนานกับท้องทะเลและสายน้ำ ได้อย่างเต็มที่
พ่อ แม่ ควรมีกิจกรรมเรียนรู้โลกกว้างร่วมกันกับลูกๆ เช่น เ่ล่นน้ำ ก่อปราสาททราย พายเรือด้วยกัน เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีในครอบครัว และเป็นผู้ชี้แนะแนวทางแห่งการเรียนรู้และเป็นผู้ถ่ายทอดประสบการณ์ในการ เดินทางไปสู่เด็กๆ
พ่อ แม่ควรเป็นแบบอย่างนักเดินทางที่ดีสำหรับลูกๆ เป็นนักเดินทางที่กระหายต่อการเรียนรู้ เป็นนักเดินทางผู้มีความรักในธรรมชาติและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ส่งเสียงดัง ไม่ทำลายธรรมชาติ เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับการไม่ทิ้งขยะในแหล่งท่องเที่ยว ปฏิบัติตามกฎระเบียบของสถานที่ท่องเที่ยว มีวินัยและเคารพสิทธิของผู้อื่นที่ใช้แหล่งท่องเที่ยวร่วกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น