วันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ไหว้สาศาลหลักเมือง ชมวิหารปูนปั้นที่วัดมิ่งเมือง

น่าน..ที่ใครๆ ต่างกล่าวว่าเป็นเมืองคู่แฝดของหลวงพระบาง..เพราะเมืองแห่งนี้ เป็นเมืองเล็กๆ ที่มีประเพณี วัฒนธรรม และวิถีชีวิตที่สุขสงบเรียบง่ายคล้ายกัน
ที่ประดิษฐานเสาพระหลักเมืองน่าน วัดมิ่งเมือง อ.เมือง จ.น่าน
และด้วยความที่เมืองน่านเป็นเมือง วัฒนธรรมนี้เอง จึงมีมีวัดวาอารามตั้งอยู่มากมากมาย และแน่นอนว่าเมื่อนักท่องเที่ยวหรือคนต่างถิ่น ได้มีโอกาสเดินทางมาเยือนน่าน สิ่งสำคัญที่ต้องกระทำเป็นอันดับแรก คือสักการะเสาพระหลักเมืองประจำจังหวัด ซึ่งตั้งอยู่ในวัดมิ่งเมือง อำเภอเมือง จังหวัดน่าน เพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิตและเพื่อขอให้คุ้มครองนักท่องเที่ยวและผู้มาเยือนมีความปลอดภัยในทุกที่ๆ ของการเดินทาง

บริเวณวัดมิ่งเมือง อันเป็นที่ตั้งของเสาพระหลักเมืองน่านนั้น สิ่งที่เด่นสะดุดตาคือ ศาลาจัตุรมุขลวดลายปูนปั้นสีขาวอันวิจิตรตระการตา มียอดพรหมสี่หน้าเป็นตัวอาคารประดิษฐานศาลหลักเมือง ถัดเข้าไปเป็นโบสถ์ของวัด ภายในมีจิตรกรรมประวัติความเป็นมาของเมืองน่านตั้งแต่ต้นราชวงศ์ภูมามาจนถึง ปัจจุบัน

เสาพระหลักเมืองน่าน วัดมิ่งเมือง อ.เมือง จ.น่าน
เสาพระหลักเมืองน่าน คนเมืองน่านในสมัยโบราณเรียกขานว่า เสามิ่งเมือง หรือ เสามิ่ง โดยสมเด็จเจ้าฟ้าอัตถะวรปัญโญ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 57 โปรดให้ฝังเสาพระหลักเมืองน่าน ต้นปัจจุบันนี้ เมื่อวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2331 ณ สถานที่ที่ทรงเสี่ยงทาย คือ ที่ข้างวัดร้างเก่า อันตั้งอยู่ห่างจากหอคำ (ปัจจุบันคือพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน) ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 350 เมตร ซึ่งผู้รู้สันนิษฐานว่าวัดร้างนี้คือ วัดห้วยไคร้ อันมีมาแต่ครั้งสมัยสุโขทัย

วัดมิ่งเมือง สร้างขึ้นเมื่อราว พ.ศ. 2400 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา วันที่ 14 พฤศจิกายน 2510 ในบริเวณวัดร้างด้านเหนือจากซากวิหารมีเสาพระหลักเมืองน่าน ซึ่งเป็นไม้สักทองเป็นท่อนซุงขนาดใหญ่ 2 คน โอบรอบฝังอยู่กับพื้นดิน

ศาลพระหลักเมืองน่าน วัดมิ่งเมือง อ.เมือง จ.น่าน
ในปีพุทธศักราช 2400 เจ้าอนันตวรฤทธิเดช เจ้าผู้ครองนครน่านได้สถาปนาวัดร้างนี้ขึ้นใหม่อและตั้งชื่อวัดใหม่นี้ว่า “ วัดมิ่งเมือง” เพราะสาเหตุว่ามีเสามิ่งหรือเสามิ่งเมืองตั้งอยู่ในวัด (คำว่า “ เสาพระหลักเมือง” เป็นศัพท์ของทางภาคกลาง คนเฒ่าคนแก่พื้นเมืองเรียกขานกันว่า เสามิ่งหรือเสามิ่งเมืองมาแต่โบราณ)

และต่อมาในปี พุทธศักราช 2527 พระครูสิริธรรมภาณี (เสน่ห์ ฐานสิริ) เจ้าอาวาสวัดมิ่งเมือง ได้นำศรัทธาชาวคุ้มวัดมิ่งเมือง ทำการรื้อถอนอุโบสถหลังเดิมทั้งหลัง เนื่องจากชำรุดทรุดโทรมมาก ในการสร้างอุโบสถหลังใหม่นี้ ได้เคลื่อนย้ายพระประธานองค์เดิม ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช 2400 เป็นพระพุทธรูปก่อด้วยอิฐถือปูนและทำการบูรณณะมุกรักปิดทองใหม่ทั้งองค์ คือพระประธานองค์ปัจจุบัน

ทางขึ้นศาลพระหลักเมืองน่าน ด้านทิศเหนือ
ท้าวกุเวร เป็นผู้รักษาทางขึ้น
สำหรับตัวโรงอุโบสถหลังใหม่นี้ พระครูสิริธรรมภาณี เป็นผู้ออกแบบตามจินตนาการ เป็นรูปแบบอุโบสถล้านนาร่วมสมัย และการก่อสร้างตัวอาคารเป็นฝีมือของสล่า (ช่าง) พื้นบ้านเมืองน่าน ส่วนส่วนลวดลายปูนปั้น เป็นฝีมือของสล่า (ช่าง) สกุลเชียงแสนโบราณ ซึ่งมีนาย เสาร์แก้ว เลาดี เป็นนายช่างใหญ่มาทำการปั้นลวดลาย ใช้เวลาปั้นประมาณ 5 ปี

ภายในอุโบสถได้ทำการเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนัง โดยคุณสุรเดช กาละเสน (จิตรกรพรสวรรค์พื้นบ้านเมืองน่าน) โดยเขียนแบบอนุรักษณ์ภาพโบราณ เป็นเรื่องราวประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเมืองน่าน เริ่มตั้งแต่สมัยพญาภูคาเจ้าเมืองน่านองค์ปฐมตั้งอยู่เมือง ณ เมืองย่าง (ปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอปัว) มาจนถึงสมัยเจ้ามหาพรหมสุรธาดา เจ้าผู้ครองนครน่านองค์สุดท้าย …

ทางขึ้นศาลพระหลักเมืองน่าน ด้านทิศตะวันตก
ท้าววิรูปักษ์ เป็นผู้รักษาทางขึ้น
ส่วนเสาพระหลักเมืองน่าน ตัวเสาเป็นไม้สักทอง เดิมเป็นเสาขนาดใหญ่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3 ฟุต สูงประมาณ 2 เมตรครึ่ง สักษณะเป็นเสาทรงกลมส่วนหัวเสาเกลาเป็นดอกบัวตูมฝังลงพื้นดินโดยตรง ไม่มีศาลครอบ

โดยสมเด็จเจ้าฟ้าอัตถะวรปัญโญ เจ้าผู้ครองเมืองน่านองค์ที่ 57 โปรดให้ฝังเสาประหลักเมืองน่านลง ณ จุดนี้ เมื่อปีพุทธศักราช 2331 หลังจากที่พระองค์ได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชการที่ 1 ณ กรุงเทพฯ และร่วมพระราชทานพิธีฝังเสาพระหลักเมือง กรุงเทพมหานคร เมื่อปีพุทธศักราช 2129 พระองค์จึงได้คตินั้นมาฝังเสาพระหลักเมืองน่านขึ้น

ทางขึ้นศาลพระหลักเมืองน่าน ด้านทิศตะวันออก
ท้าววธตรฐ เป็นผู้รักษาทางขึ้น
ล่วงมาจนถึงปีพุทธศักราช 2506 ได้เกิดน้ำท่วมใหญ่ น้ำในแม่น้ำน่านได้ทะลักเข้าท่วมตัวเมืองน่านอย่างรุนแรง กระแสน้ำได้เซาะรากโคนเสาพระหลักเมืองซึ่งผุกร่อนมาก เพราะฝังดินมาเป็นเวลานานกว่า 170 ปี จนถอนโค่นลง เจ้าอาวาสจึงได้นำเสาไปผูกมัดไว้ใต้ถุนหอกลองหลังวัด เมื่อน้ำลดเป็นปกติแล้ว เจ้าอาวาสจึงได้พร้อมกับคณะศรัทธาวัดมิ่งเมืองแห่งนี้ ร่วมกันสร้างเสาพระหลักเมืองจำลองขึ้น ณ ที่เดิม โดยทำเป็นเสาก่อด้วยอิฐถือปูน ก่อฐาน 4 เหลี่ยมลดหลั่นเป็นชั้น ตัวเสาสูงประมาณ 1 เมตรครึ่ง ฐานสูงประมาณ 1 เมตรเศษ ทาด้วยปูนขาว

นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยือนเมืองน่าน ควรมีโอกาสได้สักการะเสาพระหลักเมื่องน่าน ในการสักการะเสาพระหลักเมืองน่านนั้น ให้ทำการสักการะให้ครบทั้งสี่ทิศ เพราะในแต่ละทิศนั้นจะมีความมงคลตามความหมายของทิศนั้น โดยเริ่มจาก ทิศเหนือ ทิศตะวันออก ทิศใต้ และทิศตะวันตกหลังจากนั้นแล้วจึงเดินชมความงดงามอุโบสถล้านนาของวัดมิ่ง เมือง ที่ทำให้คนน่านได้ภาคภูมิใจว่า ช่างสล่าน่าน เก่งไม่แพ้ใครในล้านนา..

ทางขึ้นศาลพระหลักเมืองน่าน ด้านทิศใต้
ท้าววิรุฬหก เป็นผู้รักษาทางขึ้น
โฉลกการขึ้นคำถวายสักการะหลักเมืองน่านตามทิศอันเป็นอุดมมงคล
ทิศเหนือ พระเมตตา ท่านท้าวเวสสุวรรณ ผุ้รักษา
มีอำนาจ มีบารมี มีความมั่นคง มีความกล้าแข็ง เข้มแข็ง เป็นที่เคารพเกรงขาม

ทิศตะวันออก พระกรุณา ท่านท้าวธะตะรัฎฐะ ผู้รักษา
เสน่ห์ เมตตา มหานิยม เป็นที่รัก เป็นที่ปราถนา และชื่นชอบของคนและเทวดา

ทิศใต้ พระมุทิตา ท่านท้าวิรุฬหะกะ ผู้รักษา
มีความมั่งคั่ง ร่ำรวย อุดมสมบูรณ์ ทั้งทรัพย์สมบัติ ชื่อเสียง เกียรติยศ และบริวาร

ทิศตะวันตก พระอุเบกขา ท่านท้าววิรุปักษ์ ผู้รักษา
มีความสงบ ร่มเย็นเป็นสุข มีสันติภาพ ภราดร เป็นที่เคารพ นับถือ เชื่อถือ

ลวดลายปูนปั้น หน้าบรรณศาลพระหลักเมืองน่าน ด้านที่ประดิษฐาน ตราสัญลักษณ์ทรงครองราชย์ ครบ 60 ปี
ลวดลายปูนปั้น หน้าบรรณอุโบสถวัดมิ่งเมือง ฝีมือสล่า(ช่าง)น่าน
วัดมิ่งเมือง ตั้งอยู่ที่ถนนสุริยะพงษ์ ตำบลในเวียง อำเภอเมือง จังหวัดน่าน (ตรงข้ามโรงเรียนราชานุบาล อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน)
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ :
ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวเทศบาลเมืองน่าน โทร. 054-750247, 054-751169, 084-6171542
สถานีตำรวจท่องเที่ยวน่าน โทร. 054-710216

วัดมิ่งเมือง ต.ในเวียง อ.เมือง จ.น่าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น